วันจันทร์ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2554

วัดป่านานาชาติ


 


วัดป่านานาชาติ (Wat Pah Nanachart)


                เป็นอีกสถานที่หนึ่งที่สัปปายะ และปลอดภัย สำหรับผู้ที่ต้องการหาที่หลีกเร้นสำหรับการภาวนาเป็นบางครั้งบางคราว  วัดป่านานาชาติ  เป็นอีกหนึ่งสาขาของวัดหนองป่าพง เกิดขึ้นเนื่องจากความศรัทธาของชาวต่างชาติที่มีต่อหลวงหลวงพ่อชา สุภัทโธ  พระอริยสงฆ์องค์สำคัญอีกองค์หนึ่งของประเทศไทย...  ชื่อก็บอกแล้วว่าเป็นวัดป่านานาชาติ ดังนั้น ภิกษุและเจ้าอาวาส (ไม่มีแม่ชีประจำ) ผ้าขาว รวมถึงผู้มาพักปฎิบัติธรรม ส่วนใหญ่จึงเป็นชาวต่างชาติซึ่งเดินทางมาจากทั่วโลก ทั้งชาวยุโรปและเอชีย  เช่น อเมริกา อังกฤษ เยอรมัน สวิตเซอร์แลนด์ ฝรั่งเศษ อินเดีย ลาว ไทย เป็นต้น..  ที่วัดแห่งนี้จึงภาษาอังกฤษเป็นหลักในการสื่อสาร แม้แต่การสวดมนต์แปล ก็ใช้ภาษาอังกฤษ แต่อย่างไรก็ตาม เจ้าอาวาสและภิกษุหลายรูปสามารถพูดภาษาไทยกลาง และไทยอีสานได้ ดังนั้นจึงไม่ต้องวิตกกังวลสำหรับผู้ที่ไม่สันทัดภาษาต่างประเทศ หากต้องการเข้าไปขอพักภาวนากับทางวัด...   โดยท่านสามารถเข้าไปดูรายละเอียดได้ที่เว็บไซน์ของทางวัด ที่นี่  http://www.watpahnanachat.org/


ที่อยู่   วัดป่านานาชาติ บ้านบุ่งหวาย หมู่ 7 ต.บุ่งหวาย อ.วารินชำราบ  จ.อุบลราชธานี 34190  อยู่ไกลจากอำเภอเมืองไปตามเส้นไปจังหวัดศรีษะเกษ ประมาณ 14 กิโลเมตร   สำหรับ เบอร์โทรศัพท์บ้าน ทางวัดเลิกใช้แล้ว


การขอเข้าปฎิบัติธรรม
( หรือ สามารถอ่านรายละเอียดได้ที่ http://www.watpahnanachat.org/stay.php)

          1. เขียนจดหมายขออนุญาต guest monk (พระผู้ดูแลแขก)ล่วงหน้า แจ้งชื่อ ที่อยู่ เป็นใคร มาจากไหน ปฎิบัติแนวไหน จะพักกี่วัน (เป็นภาษาอังกฤษ) ส่งไปตาที่อยู่วัด แล้วรอจดหมายตอบรับก่อน
          2. หรือ ถ้าไม่สะดวกจริงๆ ก็สามารถไปที่วัดก่อน แล้วขออนุญาติ guest monk ก็ได้
          3. ผู้ชาย อยู่ได้ไม่เกิน 3 วัน ถ้าจะอยู่เกิน 3 วัน ต้องโกนผม (คือเป็นอนาคาริก สวมชุดขาว ถือศีล 8 โกนผม) เพื่อป้องกันนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่มาพักเพราะต้องการประหยัดค่าที่พัก   สำหรับผู้หญิง อยู่ได้นานเท่าไหร่ก็ได้แล้วแต่ว่าเจ้าอาวาสจะอนุญาต (ข้อมูลปี 54)


การเดินทาง

         1. ทางรถทัวร์  นั่งรถอะไรก็ได้ที่ไปอุบลให้ไปลงที่สถานีขนส่ง อ.เมือง จ. อุบลราชธานี (จากกรุงเทพฯ ขึ้นรถที่หมอชิตใหม่ ใช้เวลาเดินทาง 8-11 ชม. แล้วแต่ประเภทรถสอบถามรายละเอียดได้ที่บริษัท ขนส่ง จำกัด โทร.1490 http://www.transport.co.th/  )  จากนั้นต่อรถตุ๊กๆรถสาย 3 (สีชมพู) จากสถานีขนส่ง ไปต่อสองแถวที่ อ.วารินชำราบ (10 บาท ตลอดสาย)   จากนั้นต่อรถ 2 แถว (20 บาท) บอกคนขับว่าจะลงที่วัดป่านานาชาติให้แวะจอดให้ด้วย แล้วเดินเข้าไปวัดประมาณ 300 เมตร

         2. ทางเครื่องบิน  สามารถขึ้นเครื่องที่ดอนเมือง (เช่น นกแอร์) หรือสุวรรณภูมิ (เช่น การบินไทย) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง ค่าเครื่องเที่ยวเดียวรวมภาษีแล้ว กรุงเทพฯ-อุบลฯ อยู่ที่ประมาณ 2,500 บาท (บวก ลบ ตามประเภทของสายการบิน, โปรโมชั่น, และช่วงวันและเวลาที่จะเดินทาง)  หารถต่อมายังวัด ราคาแล้วแต่ต่อรอง

         3. ทางรถไฟ  ขึ้นรถไฟจากหัวลำโพง(กรุงเทพฯ) ไปที่สถานีอุบลราชธานี (อยู่อำเภอวารินชำราบ) มีทุกวัน ทั้งรถเร็ว รถด่วน รถด่วนพิเศษ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 8-12 ชม. สอบถามรายละเอียดได้ที่การรถไฟแห่งประเทศไทย โทร. 1690 หรือ www.railway.co.th  สถานีอุบลอยู่ไม่ไกลจากวัดเท่าไหร่ หารถมอไซน์หรือตุ๊กๆต่อมายังวัด ราคาแล้วแต่ต่อรอง

         4.  รถยนต์ส่วนตัว  จากกรุงเทพฯ สามารถไปได้ 2 เส้นทาง คือ
- ใช้ทางหลวงหมายเลข 1 (พหลโยธิน) จนถึงจังหวัดสระบุรี แยกขวาเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 2 (มิตรภาพ) ไปจนถึงจังหวัดนครราชสีมา จากนั้นแยกใช้ทางหลวงหมายเลข 226 ผ่านจังหวัดบุรีรัมย์ จังหวัดสุรินทร์ จังหวัดศรีสะเกษ ไปจนถึงจังหวัดอุบลราชธานี
- ใช้ทางหลวงหมายเลข 1 (พหลโยธิน) จนถึงจังหวัดสระบุรี แยกขวาเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 2 (มิตรภาพ) ไปจนถึงอำเภอสีคิ้ว แยกเข้าทางหลวงหมายเลข 24 (โชคชัย-เดชอุดม) ผ่านอำเภอโชคชัย อำเภอนางรอง อำเภอสังขะ อำเภอเดชอุดม ไปจนถึงจังหวัดอุบลราชธานี
เมื่อไปถึงจักหวัดอุบลแล้ว เดินทางจากตัวจังหวัดอุบลราชธานี ก็ตรงมาทางหลวงหมายเลข 226 (สายอุบล-ศรีสะเกษ)  จะมีป้ายบอกทางขวามือ
ปล. ทางวัดมีเวลาปิดประตูวัดประมาณ 6 โมงเย็น ดังนั้น ควรเดินทางมาถึงก่อนเวลาดังกล่าว

แนวทางการปฎิบัติ   วิปัสสนากรรมฐาน สายหลวงปู่มั่น หลวงพ่อชา สุภัคโธ... สำหรับผู้มาปฎิบัติ ธรรมชั่วคราว  ถือศิล 8 เน้นให้ปฎิบัติด้วยตนเอง ไม่มีคอร์ส หรือผู้นำปฎิบัติ เหมาะสำหรับผู้มีพื้นฐานการปฎิบัติอยู่แล้ว 

การแต่งกาย  ผู้ชาย : สวมเสื้อ กางเกง สีขาวทั้งชุด ,    ผู้หญิงเสื้อขาว ผ้าถุงสีดำ  (ทางวัดมีให้ยืม แต่ควรเตรียมไปเองจะดีกว่า)

ภาษา ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษากลางในการสื่อสาร และสวดมนต์ แต่อย่างไรก็ตาม พระภิกษุหลายรูปสามารถพูดภาษาไทยกลาง และไทยอีสาน ได้ จึงไม่ต้องกังวลเรื่องปัญหาในการสื่อสาร

ที่พัก  มีทั้งกุฎิเดี่ยว และกุฎิรวมอยู่ตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป..มีน้ำ ไฟ ห้องน้ำ พัดลม มีที่ซักผ้า ตากผ้า  สำหรับผู้หญิง ที่พักแบ่งออกเป็น 2 โซน โซนที่ 1 กุฎิจะอยู่ใกล้กัน มีเสาไฟเปิดตอนกลางคืน  โซนที่ 2 กุฎิจะอยู่ห่างกัน แทบมองไม่เห็นกัน ตอนกลางคืนจะมืดมาก เพราะไม่มีเสาไฟเปิด  ส่วนผู้ชายส่วนใหญ่จะนอนรวมกันที่ชั้น 2 ของโรงครัว หรือกุฎิเดี่ยว หากมีกุฎิว่าง 

การรับประทานอาหาร   รับประทานอาหารวันละ 1 มื้อ จะมีภาชนะที่เป็นเหมือนกะละมังเล็กๆให้ตักอาหาร อาหารมีทั้งอาหารท้องถิ่น และทางฝั่งยุโรปพวกขนมปัง แซนวิส ปะปนกันไป หลากหลายมาก และทานน้ำปานะรวมกันอีกทีตอน 4 โมงเย็น

สิ่งของจำเป็น   นำไฟฉายไปด้วย (ถ้าไม่มีจริงๆก็ยืมทางวัดได้), ยากันยุง, ของใช้ส่วนตัว เช่นสบู่ ยาสีฟัน แปรงสีฟัน ยาสระผม ยารักษาโรคประจำตัว ติดตัวไปด้วย หน้าวัดไม่มีร้านขายของชำ ดังนั้นควรจัดเตรียมของใช้ส่วนตัวให้เรียบร้อยก่อนออกเดินทางไปวัด

ตารางกิจวัตรประจำวัน
            03.00 น.      ตีระฆัง สวดมนต์ทำวัตรเช้าร่วมกันที่ศาลา
            05.00 น.      ภิกษุเตรียมตัวออกบิณฑบาตร ส่วนอุบาสก อุบาสิกา ทำความสะอาดโบสถ์และกวาดใบหญ้าบริเวณรอบๆ
            07.00 น.      หากประสงค์ ก็สามารถไปช่วยจัดอาหารที่โรงครัวได้ (ที่วัดไม่มีแม่ชีประจำ ไม่มีการทำครัว ส่วนใหญ่ชาวบ้านจะเอาอาหารมาร่วมทำบุญ หรือเอาวัตถุดิบมาปรุงอาหารในเช้าวันนั้นเลย
            08.00 น.      รับประทานอาหาร
            15.00 น.      ตีระฆัง กวาดลานวัด
            16.00 น.      ดื่มน้ำปานะ
            18.15 น.      ตีระฆัง สวดมนต์ทำวัตรเย็นร่วมกัน

           เวลาที่เหลือ ทำกิจวัตรส่วนตัว และปฎิบัติด้วยตัวเอง

    

ขออนุโมทนากับผู้ที่จะไปปฎิบัติธรรมค่ะ  ^____________^                       

วันเสาร์ที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2554

วัดหินหมากเป้ง

 
   


วันนี้มาแนะนำสถานที่ปฎิบัติธรรมอีกแห่งหนึ่งที่เหมาะสำหรับไปพักปฏิบัติธรรมเป็นครั้งคราว ในบรรยาศที่สงบสวยงาม นั้นก็คือ... "วัดหินหมากเป้ง"  นั่นเองค่ะ


วัดหินหมากเป้ง

ที่ตั้ง  วัดหินหมากเป้ง ตั้งอยู่ที่บ้านไทยเจริญ หมู่ 4 ต. พระพุทธบาท  อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย 43130  ซึ่งเป็นวัดที่ หลวงปู่์เทสก์ เทสรังสี ได้พัฒนาและริเริ่มจัดตั้งให้เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมของภิกษุสงฆ์ แม่ชี นักภาวนา รวมถึงผู้แสวงบุญทั้งหลาย  บริเวณวัดร่วมรื่นด้วยป่าไม้นานาชนิด สัปปายะมาก มีด้านหนึ่งติดลำน้ำโขง สะอาด สวยงาม อากาศดีมาก เงียบสงบ แม้ว่าจะมีคนเดินทางมาท่องเที่ยวเป็นระยะๆ แต่ก็มีหลายจุดให้หลีกเร้นภาวนาได้เป็นอย่างดี


ประวัติ   คำว่า หินหมากเป้ง เป็นชื่อหิน 3 ก้อน ซึ่งตั้งเรียงรายกันอยู่ริมฝั่งโขงที่หน้าวัดซึ่งมีลักษณะคล้ายลูกตุ้มเครื่องชั่งทองคำสมัยเก่า ซึ่งคำว่าหมากเป้งเป็นภาษาของคนภาคนี้ มีคนแก่เล่าปรัมปราสืบกันมาว่า.. หินก้อนที่ 1 เป็นของหลวงพระบาง  หินก้อนที่ 2 เป็นของบางกอก ส่วนหินก้อนที่ 3 เป็นของเวียงจันทร์


แนวทางปฎิบัติ  เหมาะสำหรับผู้ที่มีพื้นฐานการปฎิบัติอยู่แล้ว เพราะส่วนใหญ่ให้ปฎิบัติด้วยตนเอง เนื่องจากไม่ใช่สถานที่สอนการปฎิบัติธรรมแบบเป็นคอร์ส จึงไม่มีผู้นำปฎิบัติ  อย่างไรก็ตามหากผู้ที่ไปภาวนา เกิดปัญหาหรือข้อสงสัยในการปฎิบัติ สามารถขอคำแนะนำจากพระภิกษุหรือแม่ชีได้ตามความเหมาะสม ซึ่งที่นี้พระภิกษุปฏิบัติภาวนาตามแนวทางของหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ภาวนาบริกรรม “พุทโธ  ท่านสามารถขอพักอยู่นานเท่าไหร่ก็ได้ ตามที่เจ้าอาวาสอนุญาต


การขอเข้าปฎิบัติ สามาถเขียนจดหมายแจ้งขอเข้าพักปฎิบัติล่วงหน้า โดยจ่าหน้าซองถึงเจ้าอาวาส ส่งไปตามที่อยู่วัด หรือหากไม่สะดวกก็สามารถเดินทางไปก่อน แล้วจึงกราบเจ้าอาวาสแล้วแจ้งขอพักปฎิบัติอีกที โดยถ้าเป็นผู้หญิงจะมีแม่ชี (แม่ชีรุ่ง) คอยดูแลหาที่พักให้ ส่วนเบอร์โทรศัพท์บ้าน ทางวัดเลิกใช้แล้ว เปลี่ยนมาใช้มือถือแทน (ไม่ได้ขออนุญาตจึงไม่ลงเบอร์โทรในที่นี่ ^^)


การเดินทาง
             การเดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัว ขับรถไป จ. หนองคาย แล้วขับต่อไปยัง อ.ศรีเชียงใหม่ โดยใช้ทางหลวงหมายเลข 211 (หนองคาย-ศรีเชียงใหม่) วัดหินหมากเป้งจะอยู่ทางขวามือประมาณหลักกิโลเมตรที่ 64 ริมถนนด้านขวามือ อยู่ห่างจากตัวเมืองประมาณ 75 กิโลเมตร หรืออยู่ห่างจากตัวอำเภอประมาณ 30 กิโลเมตร
             การเดินทางโดยรถทัวร์จากกรุงเทพ   ขาไปจากกรุงเทพฯโดยรถทัวร์ ให้ขึ้นที่หมอชิตใหม่ รถสายกรุงเทพฯ-ศรีเชียงใหม่ ของบริษัทอะไรก็ได้ เช่น บารมีทัวร์, 407, บุษราคัมทัวร์, ศรีเชียงใหม่ทัวร์  ค่ารถประมาณ 497 บาท ( ธ.ค. 54) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 8-10 ชม.   ขากลับ หน้าวัดจะมีที่ขายตั๋วรถเมล์ไปกรุงเทพฯ มีตั๋วรถทุกวัน วันละ 1 เที่ยว เวลา 18.30 น. (ควรออกมาจองก่อนในเช้าวันที่จะกลับ) หรือ หากต้องการกลับเวลาอื่น ก็ต้องนั่งรถเมล์ไปที่ บขส. อ.ศรีเชียงใหม่ เพื่อไปจอง/ซื้อตั๋ว
             การเดินทางโดยเครื่องบิน  ค่อนข้างลำบากหน่อย เพราะต้องลงที่อุดรธานี แล้วต่อรถทัวร์เข้าจ.หนองคาย แล้วต้อง ต่อรถเข้าศรีเชียงใหม่อีกที


ที่พัก ที่พักมีกุฏิจำนวนมาก กุฎิเดี่ยว และกุฎิรวม หรือบางกุฎิที่แบ่งออกเป็นสองห้อง ซึ่งผู้ภาวนาสามารถเลือกพักได้ตามจริตนิสัย มีห้องน้ำในตัว มีน้ำ ไฟ มีระเบียงเบียงให้เดินจงกรมได้ (บางกุฎิ) มีอ่าล้างจาน ที่ตากผ้า สะดวกสบาย


การแต่งกาย โดยปกติแต่งกายตามแนวทางของวัดป่า สำหรับผู้เข้าพักปฎิบัติธรรม คือ เสื้อขาว กางเกง(ผ้าถุง)ดำ อย่างไรก็ตามสามารถแต่งชุดขาวทั้งชุดได้  ทางวัดไม่มีชุดไว้ให้ ผู้จะเข้าปฏิบัติต้องเตรียมชุดเตรียมไปเอง


ตารางกิจกรรม 
 03.00       ลุกขึ้นทำความเพียรส่วนตัว
 05.00       โรงครัวเตรียมอาหาร (ผู้ขอพักปฎิบัติธรรมชั่วคราวไม่ต้องทำครัวก็ได้)
 06.00       ผู้เข้าปฎิบัติธรรมไปตักอาหารในโรงครัวใส่ภาชนะเก็บไว้ทานเป็นอาหารเช้า-เที่ยง  โดยทางโรงครัวจะทำอาหารแยกไว้สำหรับถวายพระภิกษุส่วนหนึ่ง สำหรับฆราวาสส่วนหนึ่ง (เนื่องจากหากรอตักอาหารหลังพระภิกษุฉันเรียบรอยแล้ว อาจจะไม่เหลือให้ทาน เนื่องจากชาวบ้านจะตักอาหารกลับบ้านหมดก่อน)
 08.00       ถวายอาหารพระภิกษุ และระหว่างภิกษุฉันอาหาร แม่ชี ผู้ปฎิบัติธรรมและฆราวาสจะร่วมกันสวดมนต์ทำวัตรเช้า   
 15.00       ตีระฆัง พระภิกษุกวาดลานวัด ผู้ปฎิบัติธรรมอาจจะทำความสะอาดกุฎิตนเอง หรือ ไปช่วยโรงครัวเตรียมของสำหรับทำอาหารในวันพรุ่งนี้ก็ได้
 18.00       ตีระฆัง ทำวัตรเย็นร่วมกันที่ศาลาใหญ่ ทั้งพระภิกษุ แม่ชี และผู้ปฎิบัติธรรมทั้งหลาย หลังจากสวดมนต์ทำวัตรเย็นเสร็จ พระภิกษุจะพานั่งสมาธิ จนถึง 3 ทุ่ม  จึงแยกย้ายกลับกุฎิ

** เวลาอื่นๆที่เหลือเป็นเวลาสำหรับปฎิบัติด้วยตัวเอง หรือทำกิจส่วนตัว


อื่นๆ หากเป็นหน้าหนาว อากาศจะหนาวมาก ให้เตรียมเสื้อกันหนาวอุ่นๆ ถุงเท้า และหมวกไหมพรมไปด้วย  และควรเตรียมยากันยุงแบบทาหรือแบบฉีดไปด้วย ส่วนไฟฉายถ้ามีก็จะดี แต่หากไม่มีก็ไม่เป็นไร เนื่องจากตอนกลางคืน มีเสาไฟเปิดไปตามทางเดินกลับกุฎิเป็นระยะ  หากมีความจำเป็นต้องซื้อของใช้ส่วนตัว หรืออาหารการกิน สามารถเดินออกไปซื้อได้ที่ร้านขายของชำหน้าวัด

อนุโมทนาบุญด้วยค่ะ